วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2550

bc55

ตรวจสอบราคาสินค้า IT
ADVICE COMPUTER
JIB COMPUTER GROUP
HARDWARE HOUSE
DCOMPUTER
BUYCOMS
A&L COMPUTER
COM 7
COMPUTER OK
ตลาดนัดร้านค้า IT
header image
:
[ to search serial number : put Program Name and selete hacking web -->enter ]
หน้าแรก arrow Knowledge arrow ทิป-เทคนิค
ทิป-เทคนิค
Modify Harddisk เป็น 2 เท่า PDF Print E-mail
29 ก.ย. 2007 22:48น.
ไม่แน่จริงอย่าเสี่ยง "Modify Harddisk เป็น 2 เท่า" icon_new4.gif
เขียนโดย PCtoday
28 September 2007
บทความนี้นำมาจาก PCtoday เป็นสุดยอดเทคนิคที่สามารถทำให้ฮาร์ดดิสก์ของคุณ มีขนาดเพิ่มเป็นเกือบ 2 เท่า โดยที่คุณไม่ต้องควักกระเป๋าจ่ายเงินเป็นพันๆ เพียงแค่อ่านและทำตามขั้นตอนกับบทความนี้ที่ละขั้นตอน รับรองว่าคุณจะได้เนื้อที่ฮาร์ดดิสก์เพิ่มขึ้นมาอีกเกือบ เท่าตัว!! เลยที่เดียว




สิ่งที่ต้องเตรียม
1. โปรแกรม Norton Ghost 2003 จะเป็น Build เวอร์ชั่นอะไรก็ได้
2. ฮาร์ดดิสก์ที่เราต้องนำมา Modify นั่นเอง ฮาร์ดดิสก์ตัวนี้ต้องลง Windows XP เรียบร้อยแล้ว
3. เครื่อง PC ที่ใช้งานได้และมีฮาร์ดดิสก์ที่ติดตั้งระบบปฎิบัติการ Windows XP อยู่แล้ว

เริ่มลงมือ
1. นำฮาร์ดดิสก์ X มาต่อที่เครื่องพีซีในตำแหน่ง "Master" และนำฮาร์ดดิสก์ M มาต่อในตำแหน่ง "Slave" เพราะในชิ้นแรกนี้เราต้องการบูทเข้าวินโดวส์จากฮาร์ดดิสก์ X เสียก่อน
2. บูตเข้าวินโดวส์ เอ็กซ์พี จากนั้นติดตั้งโปรแกรม Norton Ghost 2003 ลงไป
3. หลังจากติดตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้เรียกโปรแกรม Norton Ghost 2003 ขึ้นมา
3.1 ที่หน้าจอ Ghost Basic คลิ๊กเลือกที่หัวข้อ Backup


3.2 จะเข้ามาสู่หน้าจอ Backup Wizard คลิ๊กปุ่ม Next


3.3 เลือกไดร์ฟ C: เป็นไดร์ฟของฮาร์ดดิสก์ X ที่หน้าต่าง Source เลือก Destination เป็น File จากนั้นคลิ๊กปุ่ม Next


3.4 ที่หน้าจอ Create a new backup image คลิกที่ปุ่ม Browse

3.5 ให้เลือกไฟล์ Backup ไปที่ไดร์ฟ D: ซึ่งก็คือไดร์ฟของฮาร์ดดิสก์ M ที่ต่อที่ตำแหน่ง Slave นั่นเอง ตรงนี้ไม่ต้องกังวลว่าฮาร์ดดิสก์จะเหลือพื้นที่เก็บไฟล์ Backup พอหรือไม่ เพราะเราไม่ได้ Backup ลงไปจริงๆ จากนั้นตั้งชื่อไฟล์ Backup อะไรก็ได้แล้วคลิ๊กปุ่ม Save


3.6 หน้าจอนี้แสดงให้ทราบถึงว่ามีอุปกรณ์ต่อพ่วงอะไรบ้างที่เชื่อมต่ออยู่ ไม่ต้องสนใจคลิ๊ก OK ได้เลย


3.7 หน้าจอนี้ให้ใส่ไดรเวอร์สำหรับต่อพ่วงที่เห็นในหน้าที่แล้ว ไม่ต้องสนใจคลิ๊กปุ่ม Next ได้เลย


3.8 หน้าจอนี้บอกให้เราทราบว่า ต่อไปจะมีการรีสตาร์ทเครื่อง เข้าสู่ Dos Mode เพื่อรันโปรแกรม Norton Ghost ใน Dos หลังจากนั้นโปรแกรมจะพากลับเข้าวินโดวส์เหมือนเดิม ไม่ต้องสนใจอีกเช่นกัน Next ได้เลย


3.9 หน้าจอนี้จะขึ้นเตือนให้เราทำแผ่น Standard Boot Disk เผื่อไว้ในกรณีฉุกเฉิน ให้เรากดปุ่ม Continue


3.10 หน้าต่างสุดท้าย ตรงนี้ให้คลิ๊กปุ่ม Run Now แล้วเครื่องจะบอกให้รีสตาร์ทใหม่ทันที เป็นอันสิ้นสุดกระบวนการใน Norton Ghost ต่อไปจะเข้าสู่ขั้นตอนสำคัญแล้วครับ



4. พอรีสตาร์ทเสร็จ ขณะที่เครื่องบูทใหม่จนถึงขั้นตอนที่รายงานซีพียูและนับค่าแรมให้เราปิดเครื่องทันที!!

5. เปิดฝาเคส สลับตำแหน่งการเชื่อมต่อของฮาร์ดดิสก์นั่นคือ เอาฮาร์ดดิสก์ X มาต่อเป็น "Slave" แล้วเอาฮาร์ดดิสก์ M มาต่อเป็น "Master" แทน เช็คความเรียบร้อย แล้วเปิดเครื่องเพื่อบูทเข้าวินโดวส์ เอ็กซ์พี

6. ขณะนี้เราจะอยู่ในวินโดวส์ เอ็กซ์พี ของฮาร์ดดิสก์ M ทำตามขั้นตอนต่อไปเลยครับ
6.1 คลิกขวาที่ไอคอน My Computer เลือกเมนู Manage


6.2 จะปรากฎหน้าต่างคอนโซล Computer Management ขึ้นมา เลือกไปที่โมดูล Disk Management ในกลุ่ม Storage ทางพาเนลซ้ายมือ


6.3 รายละเอียดเกี่ยวกับสตอเรจในเครื่องจะแสดงขึ้นมาให้เห็นทางด้านขวา สังเกตุให้ดีที่แถบ Disk 1 ซึ่งก็คือ Disk X ที่เราเพิ่งจะต่อเป็น Slave และสั่ง Backup ไปแล้ว จะมีเนื้อที่ที่เก็บเป็น Unallocated partition เพิ่มขึ้นมาอีกเท่าตัว!! นี่แหละครับเนื้อที่ปริศนาในฮาร์ดดิสก์ที่เราค้นพบ นอกจากนี้จะพบพาทิชั่นชื่อแปลก ๆที่ชื่อว่า VPSGHBOOT ขนาด 8 MB ซึ่งเกิดจากโปรแกรม Norton Ghost สำหรับทำ Virtual patition นั่นเอง ตอนนี้ก็ยังไม่ต้องสนใจมันครับ


6.4 ให้เราไปคลิ๊กขวาที่ที่ Unallocated partition เลือกเมนู New partition


6.5 จะพบหน้าต่าง New Partition Wizard คลิ๊กปุ่ม Next เพื่อไปต่อ


6.6 ตรงนี้ให้เราเลือกชนิดของพาร์ทิชั่น จะเลือกเป็น Primary หรือ Extended ก็ได้ ในตัวอย่างนี้เราเลือกเป็น Primary


6.7 กำหนดขนาดของพาร์ทิชั่น โดยดีฟอลต์แล้วมันจะสร้างพาร์ทิชั่นให้เต็มขนาด ไม่ต้องปรับแต่งอะไรครับ กด Next ผ่านได้เลย


6.8 หน้าต่างนี้จะให้เราเลือกกำหนดพาร์ทิชั่นที่เพิ่งสร้างใหม่ ให้เป็นไดร์ฟใหม่ หรือเมาส์เป็นไดเร็คทอรี่ หรือยังไม่ต้องกำหนดใด ๆ เลย ในที่นี้ให้เรากำหนดเป็นไดร์ฟใหม่ไปเลยครับ


6.9 หน้าต่างนี้โปรแกรมจะให้เรา Format Partition ใหม่ ให้เราติ๊กเครื่องหมายถูกหน้าหัวข้อ Perform a Quick Format จะได้ไม่ต้องเสียเวลา


6.10 พอมาถึงหน้านี้ ก็แสดงว่าเรียบร้อยแล้วครับ


7. เมื่อกลับมาหน้าจอของ Computer Management เราจะเห็นว่ามีพาร์ทิชั่นว่างพร้อมใช้งานเพิ่มขึ้นมาอีก 24 GB ซึ่งมีขนาดเกือบเท่าของเดิมเลยทีเดียว อย่างรุ่นตัวอย่างนี้ ฮาร์ดดิสก์รุ่นที่เรานำมาใช้งานมีขนาด 40 GB แต่เมื่อผ่านกระบวนการ Modify มาแล้วก็เหมือนกับเราได้ฮาร์ดดิสก์ขนาด 80 GB มาใช้เลย
มาถึงตอนนี้เราก็สามารถลบพาร์ทิชั่นแปลกๆ ที่ชื่อ VPSGHBOOT ขนาด 8 MB ได้แล้วครับ โดยคลิ๊กขวาที่พาทิชั่นเลือกเมนู Delete Partition ครับ

ข้อควรระวัง
1. เราไม่สามารถจะยุบรวมพาร์ทิชั่นทั้ง 2 อันเข้าด้วยกันได้ เมื่อไหร่ที่คุณลบพาร์ทิชั่นใหม่ออกไปมันก็จะหายไปเลย ต้องทำการบวนการ Modify อีกครั้ง
2. ไม่แนะนำให้เก็บข้อมูลสำคัญๆ ไว้ในไดร์ฟใหม่นี้ครับ เพราะจากที่ได้พาร์ทิชั่นใหม่นี้มาทดลองใช้สักพัก พาร์ทิชั่นใหม่นี้ไม่ค่อยน่าไว้วางใจเท่าไหร่ เผลอข้อมูลอาจหายได้ทุกเมื่อ ดังนั้นเหมาะที่จะกันไว้เก็บพวกไฟล์ Temporary มากกว่า

ข้อควรสบายใจ
การ Modiry ที่ผ่านมา ไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆกับพาร์ทิชั่นหลักของฮาร์ดดิสก์ ดังนั้นก็ไม่ต้องกังวลใจครับ ข้อมูลที่อยู่ในนั้นยังคงปลอดภัย (เว้นเสียแต่ว่าเกิดจากความผิดพลาดของเครื่องพีซีเอง)
อีกข้อหนึ่งที่หายห่วงก็คือ Warranty ต่างๆยังคงสภาพเดิมอยู่ ยังดังการรับประกันยังคงสภาพเดิมครับใช้ได้เหมือนเดิม ซึ่งผมได้สอบถามจากบริษัทซีเกทแห่งประเทศไทย ต่อคำถามเบื้องต้นว่า การทำแบบนี้จะหมดประกันเรื่องไม่ ทางซีเกทตอบว่า การรับประกันยังคงอยู่ในเงื่อนไขเดิมถ้าหากว่าตัวบอดี้ไม่ชำรุด หรือสติ๊กเกอร์ Void ไม่เสียหาย ฮาร์ดดิสก์ตัวนั้นก็ยังคงรับประกันอยู่เช่นเดิม

ไม่น่าเชื่อเลยจอร์จ มันทำได้อย่างไร
ผมได้ลองค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ในอินเทอร์เน็ต ก็พบเพียงแต่วิธีทำที่เล่ามาทั้งหมด แต่ยังไม่พบเหตุผลที่จะมาอธิบายกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่มีอยู่ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ เขาบอกว่าฮาร์ดดิสก์รุ่นใหม่ๆ ที่ผลิตออกมาในปัจจุบัน ทุกตัวมีความจุสูงเท่ากันหมดทุกสายการผลิต ไม่มีการแยกสายการผลิตอย่างที่เข้าใจ เนื่องจากต้นทุนในการผลิตระหว่างความจุต่ำและสูงนั้นไม่แตกต่างกันมาก ดังนั้นโรงงานจึงเลือกที่จะผลิตเฉพาะความจุสูงทั้งหมดเพื่อความคุ้มค่ากว่า
ที่นี้ทำไมในตลาดถึงมีการจำหน่ายฮาร์ดดิสก์ที่มีความจุต่างกัน ทั้งนี้ก็เพราะว่าฮาร์ดดิสก์ความจุสูงที่ผลิตออกมา หลายพันหลายหมื่นตัวนั้น แต่ละตัวผ่านการทดสอบคุณภาพออกมาที่ความจุไม่เท่ากัน ยกตัวอย่างเช่น โรงงานหนึ่งผลิตฮาร์ดดิสก์ที่มีความจุ 200 GB เท่ากันทุกตัว พอส่งมาถึงขั้นทดสอบเพื่อระบุขนาดจริง บางตัวอาจจะผ่านที่ 40 GB บ้าง บางตัวอาจผ่านที่ 80 GB บ้าง และบางตัวอาจผ่านที่ 120 GB บ้าง หลังจากที่ได้ผ่านการทดสอบแล้ว ก็ค่อยโปรแกรมในแฟลชรอมให้มาเห็นเท่าความจุนั้นๆ แล้วตีตราออกวางจำหน่ายในตลาดตามความจุที่ผ่านการทดสอบนั้น
หากว่าประเด็นข้างต้นเป็นจริงทั้งหมด ก็สามารถตอบโจทย์ได้ส่วนหนึ่งว่า พื้นที่ฮาร์ดดิสก์ใหม่ที่เกิดขึ้น ได้มาจากฮาร์ดดิสก์ที่ไม่ผ่านการทดสอบนั่นเอง

ที่มา :
วิธีการต่ออายุโปรแกรมแบบ Try ให้ไม่ม� PDF Print E-mail
29 ก.ย. 2007 22:24น.
วิธีการต่ออายุโปรแกรมแบบ Try ให้ไม่มีวันหมด
เขียนโดย Mastery
20 November 2006
หากเราใช้โปรแกรมที่เป็น Shareware ที่เป็นโปรแกรมทดลองใช้แต่ไม่อยากเสียเงินหรือหาซีเรียลเสี่ยงกับไวรัสล่ะก็ ลองทำตามวิธีนี้ดูนะครับ แต่ผมไม่แน่ใจว่าจะใช้ได้กับทุกโปรแกรมนะครับ ยังไงก็ลองดูละกันครับไม่เสียหาย

นั่นคือการแบ็คอัพ Registry บางคนอาจรู้แล้วว่ามันคืออะไร แต่บางคนก็อาจจะไม่รู้ วิธีนี้ไม่แน่ใจว่าจะใช้ได้ทุกโปรแกรมหรือเปล่านะครับ เรามาลองดูกันเลยครับ

1. ให้คลิกปุ่ม Start ->Run
2. พิมพ์คำสั่ง regedit.exe เพื่อเปิดโปรแกรม Registry Editor ขึ้นมา
3. คลิก File -> Export เพื่อทำสำเนาข้อมูล Registry ของวินโดวส์



4. จะมีหน้าต่างเพื่อบันทึกไฟล์ ขึ้นมาในช่อง save in : เลือกที่ไหนก็ได้ที่ต้องการ save ไฟล์เก็บไว้ จากนั้นคลิ๊กเลือก All ตรงกรอบวงกลม Export range
จากนั้นพิมพ์ชื่อไฟล์ในช่อง File Name: _____ . reg
File of type: Registraration File ( *.reg ) แล้วกด Save เป็นอันเสร็จเรียบร้อยครับ เราได้แบ็คอัพ Registry เก็บไว้แล้ว
5. เมื่อครบกำหนดตามระยะการใช้งานโปรแกรมที่เป็น Shareware จะไม่สามารถใช้งานได้
6. ให้ไปที่ Start ->Run พิมพ์คำสั่ง regedit..exe เหมือนเดิมเพื่อเปิดโปรแกรม
7. จากนั้นไปที่ File -> Import
8. ให้ไปที่ช่อง Look in: เลือกที่อยู่ที่เก็บไฟล์ .reg ไว้ คลิกชื่อไฟล์ที่เราทำสำเนาเอาใว้ ในขั้นตอนที่ 4. _____ . reg
9. จากนั้นคลิกปุ่ม Open เป็นอันเสร็จโปรแกรมที่เราไม่อยากเสียเงินก็ได้คืนชีพอีกครั้งครับ

ที่มา : www.comlism.net

108 ปัญหาคอมพิวเตอร์ ที่พบกันบ่อยๆ PDF Print E-mail
29 ก.ย. 2007 22:16น.
รวบรวมปัญหาต่าง ๆ ที่พบได้บ่อย ๆ กับการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยได้พยายามรวบรวมปัญหาที่พบเห็นกันบ่อย ๆ และนำมาสรุปให้เป็นแนวทางสำหรับ การแก้ไขปัญหาเบื้องต้น หวังว่าจะมีประโยชน์กับคนอื่น ๆ ได้บ้าง
หลังจาก Setup Windows ใหม่แล้วเกิดการค้าง ไม่ยอมทำการ Setup ต่อไป
เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่สิ่งหนึ่งที่พบบ่อย ๆ คือการตั้งค่า Virus Warning ใน bios ไว้ทำให้เครื่องไม่สามารถ เขียนข้อมูลทับลงบนส่วนของ boot record ของฮาร์ดดิสก์ได้ ให้ลองแก้ใน bios ตั้งให้เป็น Disable ไว้ก่อน และหลังจากทำการ Setup Windows เสร็จแล้วค่อยตั้งเป็น Enable ใหม่

หลังจาก Setup Windows จะขึ้นข้อความ Windows Protection Error
ที่พบบ่อย ๆ มากคือปัญหาของ RAM อาจจะเป็นเฉพาะช่วงที่ทำการ Setup Windows เท่านั้น (โดยที่ปกติก่อน Setup Windows จะใช้งานได้ ไม่เป็นอะไร) ให้ทดลองหา RAM มาเปลี่ยนใหม่ดู หรือหากเป็น SDRAM ให้ทดลองตั้งค่าใน bios ค่าของ CAS จากที่ตั้งเป็น 2 ลองตั้งเป็น 3 ดู อาจจะช่วยแก้ปัญหาได้บ้าง

ใช้ AMD K6II-350 ขึ้นไปลง Windows95 แล้วเกิด Error แต่ลง Windows98 ได้
จะเกิดจากการใช้ CPU ของ AMD ที่มีความเร็วตั้งแต่ 350MHz ขึ้นไปกับ Windows95 วิธีแก้ไขคือไป Download Patch สำหรับแก้ปัญหานี้ที่ AMDK6UPD.EXE มาแก้ไขโดยสั่งรันไฟล์นี้แล้วบูทเครื่องใหม่

ปัญหาของฮาร์ดแวร์

RAM หายไปไหนเนี่ย ใส่เข้าไป 32 M. ทำไม Windows บอกว่ามี 28 M. เอง
อาการของ RAM หายไปดื้อ ๆ จะเกิดกับการใช้เมนบอร์ดรุ่นที่มี VGA on board นะครับ ที่จริงก็ไม่ได้หายไปไหนหรอก เพียงแต่ส่วนหนึ่งของ RAM จะถูกนำไปใช้กับ VGA ครับและขนาดที่จะโดนนำไปใช้ก็อาจจะเป็น 2M, 4M หรือ 8M ก็ได้ขึ้นอยู่กับการตั้งใน BIOS ครับ

ใช้เครื่องได้สักพัก มักจะแฮงค์ พอปิดเครื่องสักครู่แล้วเปิดใหม่ ก็ใช้งานต่อได้อีกสักพักแล้วก็แฮงค์อีก
อาจจะเกิดจากความร้อนสูงเกินไป อย่างแรกให้ตรวจสอบพัดลมต่าง ๆ ว่าทำงานปกติดีหรือเปล่า หากเครื่องทำ Over Clock อยู่ด้วยก็ทดลองลดความเร็วลงมา ใช้แบบงานปกติดูก่อนว่ายังเป็นปัญหาอยู่อีกหรือเปล่า ถ้าใน bios มีระบบดูความร้อนของ CPU หรือ Main Board อยู่ด้วยให้สังเกตค่าของ อุณหภูมิ ว่าสูงเกินไปหรือเปล่า ทั้งนี้อาจจะทำการเพิ่มการติดตั้งหรือเปลี่ยนพัดลมของ CPU ช่วยด้วยก็ดี

มีข้อความ BIOS ROM CHECK SUM ERROR ตอนเปิดเครื่อง
อาการนี้ส่วนใหญ่เกิดจากถ่านของ BIOS หมดหรือเกิดการหลวมครับ ให้ลองขยับถ่านให้แน่น ๆ ดูก่อน ถ้าไม่หายก็ต้องลองเปลี่ยนถ่านบนเมนบอร์ดดู (ก่อนเปลี่ยนถ้ามี Meter วัดไฟดูก่อนก็ดี) หลังจากเปลี่ยนแล้วให้ทำการ Clear BIOS Jumper ก่อนด้วย จะเป็น Jumper ใกล้ ๆ กับ IC BIOS นั่นแหละ ทำการ Jump ค้างไว้สัก 5 วินาทีแล้วก็ Jump กลับที่เดิมก่อน หลังจากนั้นต้องเข้าไปตั้งค่าต่าง ๆ ของ BIOS ใหม่ด้วย

ลืม Password ของ BIOS จะทำยังไงดี
ให้ทำการถอดถ่านของ BIOS ออกสักครู่ แล้วใส่กลับเข้าไปใหม่ ทำการ Clear Jumper BIOS ก่อนด้วย หรือลองดูวิธีการ Clear/Reset Password ของ BIOS

ซื้อฮาร์ดดิสก์มาขนาดใหญ่ ๆ แต่หลังจากทำการ Format แล้วเครื่องมองเห็นแค่ 2G
อย่างแรกให้ดูก่อนเลยว่า ใช้ระบบ FAT16 หรือ FAT32 ถ้าหากเป็น FAT16 จะมองเห็นได้สูงสุดแค่ 2G ต่อ 1 Partition เท่านั้น ต้องใช้แบบ FAT32 ครับ วิธีการคือใช้ FDISK ของแผ่น Startup Disk WIN98 มาทำ FDISK (ถ้าเป็น FDISK จาก DOS หรือ WIN95 จะเป็นแบบ FAT16) ดูวิธีการทำ fdisk และ การ format ฮาร์ดดิสก์ ที่นี่

ไม่สามารถใช้งาน ฮาร์ดดิสก์ได้มากกว่า 8G. สำหรับเมนบอร์ดรุ่นเก่า ๆ
เกิดจากที่ BIOS ไม่สามารถรู้จักกับ ฮาร์ดดิสก์ที่มีขนาดใหญ่ ๆ ได้ จะเป็นกับเมนบอร์ดรุ่นเก่า ๆ ที่เคยพบมาอีกแบบคือ Windows มองเห็นเกิน 8G แต่ไม่สามารถใช้งานได้ จะบอกว่าฮาร์ดดิสก์ของเราเต็ม วิธีแก้ไขอย่างแรกคือ ให้ลองทำการ Update BIOS เป็น Version ใหม่ดูก่อน (ถ้าหาได้) หรือไม่ก็หา Download โปรแกรมสำหรับจัดการพื้นที่ฮาร์ดดิสก์ จากเวปไซต์ของผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์ยี่ห้อนั้น ๆ หรืออาจจะใช้วิธีการแบ่ง Partition ให้มีขนาดใหญ่ไม่เกิน 8G ต่อ 1 Partition ก็อาจจะช่วยได้

ปัญหาของซอฟต์แวร์

หลังจากลงโปรแกรมป้องกันไวรัส McAfee 4.0.3 แล้วไม่สามารถบูทเข้า Windows ได้
เท่าที่พบจะเกิดกับบางเครื่องเท่านั้น ปัญหาเกิดจากหลังจากที่เราติดตั้ง McAfee ลงไปแล้ว เครื่องจะทำการ Scan ข้อมูลในฮาร์ดดิสก์โดยใส่เป็น Batch File ไว้ในไฟล์ autoexec.bat ซึ่งบางครั้งจะเป็นปัญหาทำให้ค้าง ไม่ยอมเข้า Windows ต่อไป วิธีแก้ไขคือ ให้เปิดเครื่องเข้าใน MS-DOS Mode โดยกดปุ่ม F8 ค้างไว้ขณะเปิดเครื่อง จะเข้ามาที่เมนู Microsoft Windows 98 Startup Menu เลือกข้อ 6. sefe mode command prompt only แล้วใช้คำสั่ง "edit autoexec.bat" เพื่อแก้ไขไฟล์โดยให้ลบบรรทัดที่มีคำสั่ง scan.exe ออกครับ ทำการ save file แล้วทดลองบูทเครื่องใหม่อีกครั้ง

พิมพ์หน้า Web Page ออกเครื่องพิมพ์แบบ Ink Jet เป็นภาษาไทยไม่ได้ จะมีแต่ภาษาอังกฤษ
ส่วนใหญ่ ปัญหานี้จะเกิดกับการใช้เครื่องพิมพ์แบบ อิงค์เจ็ท รุ่นใหม่ ๆ วิธีแก้ไขคือ ให้ลองหา Download Driver รุ่นใหม่ ๆ ของเครื่องพิมพ์จาก Web Site ของเครื่องพิมพ์นั้น ๆ เพราะบางครั้งอาจจะมีการแก้ไขปัญหานี้แล้ว หรือไม่ก็ใช้วิธีเข้าไปตั้งค่า Regional Settings ที่ Control Panel เป็น English(USA) ก่อน เมื่อพิมพ์เสร็จแล้วก็เปลี่ยนกลับมาเป็น Thai เหมือนเดิม การตั้งค่าก็ทำโดยกดที่ Start เมนู >> Settings >> Control Panel เลือกที่ Regional Settings เปลี่ยนเป็น English(USA)

สั่ง Defrag Hard Disk แล้วไม่ยอมเสร็จ จะกลับมาเริ่มต้นใหม่ วนแบบนี้อยู่เรื่อย ๆ
สาเหตุ เกิดจากมีโปรแกรมบางตัวทำงานอยู่ในเวลานั้นด้วยและสั่งเขียนข้อมูลลงบนฮาร์ดดิสก์ เช่น Screen Saver, Winamp หรือพวก Anti Virus บางตัว ให้ทำการปิดโปรแกรมเหล่านี้ให้หมดก่อน หรืออาจจะใช้วิธีเข้า Windows ใน Self Mode (กด F8 ตอนเปิดเครื่องแล้วเลือก Self Mode)

ใช้การ์ดจอของ TNT แล้วเมื่อพิมพ์ข้อความต่าง ๆ สระบนล่างไม่ยอมขึ้นมาทันที
ต้องพิมพ์ตัวต่อไปก่อนจึงจะเห็น เป็นปัญหาที่พบบ่อยมาก ๆ กับผู้ที่ใช้การ์ดจอของ TNT ครับให้ลองหา Driver รุ่นใหม่ ๆ จากเวปไซต์ของผู้ผลิตการ์ดจอมาใช้ จะแก้ไขได้หรือใช้ Driver ของ Detonator Version 3.65 ขึ้นไป หาได้จาก http://www.3dchipset.com/

ปัญหาของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์

กำลังไฟ
ปัญหา : เปิดคอมพิวเตอร์ไม่ได้
สาเหตุ : ไม่ได้ต่อคอมพิวเตอร์ลงเต้าเสียบที่ด้านหลัง
การแก้ปัญหา : ตรวจดูให้แน่ใจว่าสายไฟนั้นเสียบอยู่ที่เต้าเสียบไปบนฝาผนัง และไฟ AC บนฝาผนังที่ลงสายกราวนด์ของคอมพิวเตอร์อย่างแน่นหนา

ปัญหา : เปิดคอมพิวเตอร์ไม่ได้
สาเหตุุ : คอมพิวเตอร์อาจอยูในโหมด Sleep
การแก้ปัญหา : ตรวจสอบว่าปุ่ม เปิดเครื่องด่วน นั้นสว่างอยู่ และมีไฟสีเหลืองอำพัน ถ้าเป็นเช่นนั้น ให้กดปุ่มดังกล่าวเพื่อออกจากโหมด Sleep

ฮาร์ดดิสก์
ปัญหา : ข้อความแสดงการผิดพลาดเกี่ยวกับดิสก์ที่ไม่สามารถบูตได้
สาเหตุ : คอมพิวเตอร์พยายามเริ่มระบบจากดิสเก็ตต์ที่ไม่มีซอฟต์แวร์ สำหรับเริ่มระบบ
การแก้ปัญหา : นำแผ่นดิสเก็ตต์ออกจากไดรฟ์เมื่อไฟแสดงสถานะบนไดรฟ์ดับ แลว้ทำต่อๆ ไป โดยการกดคีย์ใด ๆ บนแป้นพิมพ์

ปัญหา : การทำงานของฮาร์ดไดรฟ์ช้าลง
สาเหตุ : ไฟล์ข้อมูลที่เก็บอยู่บนฮาร์ดดิสก์ อาจอยู่กระจัดกระจาย
การแก้ปัญหา : ตรวจสอบส่วนของข้อมูลที่หายไปโดยการรันโปรแกรม Disk Defragmenter เพื่อที่จะรันโปรแกรม Disk Defragmenter จากเดสก์ทอปของวินโดวส์ ให้ คลิกที่ปุ่ม Start แล้วชี้ไปที่ Programs จากนั้นชี้ไปที่ Accessories และชี้ไปที่ System Tools ท้ายสุดให้คลิกที่ Disk Defragmenter

ปัญหา : ไฟแสดงการทำงานของฮาร์ดไดรฟ์สว่างแต่ไม่กระพริบ
สาเหตุ : ไฟล์ข้อมูลที่เก็บอยู่บนฮาร์ดดิสก์ของคุณ อาจจะเสียหาย
การแก้ปัญหา : ตรวจสอบส่วนของข้อมูลที่หายไปโดยการรันโปรแกรม Disk Defragmenter และเพื่อที่จะรันโปรแกรม Disk Defragmenter6 จากเดสก์ทอปของวินโดวส์ ให้คลิกที่ปุ่ม Start แล้วชี้ไปที่ Programs จากนั้นชี้ไปที่ Accessories และชี้ไปที่ System Tools ท้ายสุดให้คลิกที่ Disk Defragmenter

ซีดีรอม
ปัญหา : คอมพิวเตอร์ไม่สามารถอ่านแผ่นซีดีได้
สาเหตุ : ไม่ได้วางซีดีในไดรฟ์ในตำแหน่งที่ถูกต้อง
การแก้ปัญหา : ถ้าคุณมีซีดีไดรฟ์แบบโหลดด้วยถาด ให้กดปุ่มนำแผ่นซีดีออก แล้วค่อย ๆ กดแผ่นซีดีลงในตำแหน่ง ที่เหมาะสมจากนั้นโหลดแผ่นเข้าไปใหม่

ปัญหา : คอมพิวเตอร์ไม่สามารถอ่านแผ่นซีดีได้
สาเหตุ : ระบบไม่รู้จักซีดีไดรฟ์
การแก้ปัญหา : ปิดคอมพิวเตอร์ แล้วคอยอย่างน้อย 30 วินาที จากนั้นเปิดคอมพิวเตอร์ ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

ปัญหา : คอมพิวเตอร์ไม่สามารถอ่านแผ่นซีดีได้
สาเหตุ : ใส่แผ่นซีดีกลับข้าง
การแก้ปัญหา : นำแผ่นซีดีออก แล้วพลิกแผ่นซีดีกลับ จากนั้นโหลดเข้าไปใหม่

ปัญหา : คอมพิวเตอร์ไม่สามารถอ่านแผ่นซีดีได้
สาเหตุ : แผ่นซีดีสกปรก
การแก้ปัญหา : ทำความสะอาดแผ่นซีดีด้วยชุดทำความสะอาด

ดิสก์เก็ต
ปัญหา : ไฟแสดงสถานะของดิสเก็ตต์สว่างอยู่
สาเหตุ : มีการใส่แผ่นดิสเก็ตต์อย่างไม่เหมาะสม
การแก้ปัญหา : นำแผ่นดิสเก็ตต์ออก แล้วใส่เข้าไปใหม่แผ่นดิสเก็ตต์เกิดความเสียหาย ใช้ดิสเก็ตต์แผ่นอื่น หรือตรวจสอบแผ่นดิสเก็ตต์โดยการรันโปรแกรม ScanDisk และเพื่อที่จะรันโปรแกรม ScanDisk จากเดสก์ทอปของวินโดวส์ ให้คลิกที่ปุ่ม Start แล้วชี้ไปที่ Programs จาก นั้นชี้ไปที่ Accessories และชี้ไปที่ System Tools ท้ายสุดให้คลิกที่ ScanDisk ซอฟต์แวร์

ปัญหา : ดิสเก็ตต์ไดรฟ์ไม่สามารถเขียนลงแผ่นดิสเก็ตต์ได้
สาเหตุ : แผ่นดิสเก็ตต์ยังไม่ได้ฟอร์แมต
การแก้ปัญหา : ให้ฟอร์แมตแผ่นดิสเก็ตต์

ปัญหา : ดิสเก็ตต์ไดรฟ์ไม่สามารถเขียนลงแผ่นดิสเก็ตต์ได้
สาเหตุ : ดิสเก็ตต์ไดรฟ์มีการป้องกันการเขียน (Write-Protected)
การแก้ปัญหา : ยกเลิกการป้องกันการเขียน หรือใช้ดิสเก็ตต์แผ่นอี่นที่ไม่มีการป้องกันการ เขียน
และเพื่อที่จะยกเลิกการป้องกันการเขียน ให้เลื่อนแผ่นสีดำที่ด้านหลังของแผ่นดิสเก็ตต์เพื่อปิดรู

ปัญหา : การเขียนข้อมูลลงไดรฟ์ที่ไม่ถูกต้อง
สาเหตุ : ตรวจสอบตัวอักษรของไดรฟ์ในสเตทเมนท์ของพาธ
การแก้ปัญหา : พรอมต์ A:\> แสดงว่าเรากำลังทำงานจากไดรฟ์ A ส่วนพรอมต์ C:\> แสดงว่าเรากำลังทำงานจากฮาร์ดไดรฟ์

ปัญหา : ไม่มีเนื้อที่เพียงพอบนแผ่นดิสเก็ตต์ ดิสเก็ตต์ออก หรือใช้ดิสเก็ตต์แผ่นอื่น
สาเหตุ : ลบข้อมูลบางส่วนที่เก็บอยู่บนแผ่น
การแก้ปัญหา : ระมัดระวังอย่าลบข้อมูลสำคัญที่เก็บอยู่บนแผ่นดิสเก็ตต์โดยบังเอิญ

ปัญหา : ดิสก์เก็ตต์ไดรฟ์ไม่สามารถอ่านแผ่นดิสเก็ตต์
สาเหตุ : แผ่นดิสเก็ตต์ ยังไม่ได้ฟอร์แมต
การแก้ปัญหา : ให้ฟอร์แมตแผ่นฮาร์ดแวร์

ปัญหา: คอมพิวเตอร์ไม่รู้จักอุปกรณ์ใหม่ว่าเป็นส่วนหนึ่งของคอมพิวเตอร์
สาเหตุ : ไม่ได้ตั้งค่าคอนฟิกคอมพิวเตอร์ของคุณหลังจากติดตั้งอุปกรณ์ใหม่
การแก้ปัญหา : ถ้าเป็นอุปกรณ์แบบพลักแอนด์เฟลย์ วินโดวส์จะรู้จักอุปกรณ์นั้นและตั้งค่า คอนฟิกให้โดยอัตโนมัติ แต่ถ้าเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ใช่พลักแอนด์ใ ห้อ่านเอกสารที่มาพร้อมกับอุปกรณ์สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับการตั้งค่าคอนฟิก

ปัญหา: คอมพิวเตอร์ไม่รู้จักอุปกรณ์ใหม่ว่าเป็นส่วนหนึ่งของคอมพิวเตอร์
สาเหตุ : สายเคเบิลที่เชื่อมต่ออุปกรณ์ใหม่เข้ากับคอมพิวเตอร์นั้นหลวม หรือยังไม่ได้เสียบสายไฟของอุปกรณ์
การแก้ปัญหา : เสียบสายไป และตรวจดูว่าอุปกรณ์นั้นต่ออยู่กับคอมพิวเตอร์อย่างแน่นหนา

ปัญหา : คอมพิวเตอร์ไม่รู้จักอุปกรณ์ใหม่ว่าเป็นส่วนหนึ่งของคอมพิวเตอร์
สาเหตุ : เมื่อคอมพิวเตอร์แนะนำคุณให้เปลี่ยนแปลงค่าคอนฟิเกอเรชันของระบบ
การแก้ปัญหา : ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ แล้วเปิดใหม่อีกครั้ง คุณจะเห็นข้อคุณไม่ได้ยอมรับการ เปลี่ยนแปลงเหล่านั้น

จอภาพ
ปัญหา : อักษรต่าง ๆ ที่ปรากฏบนหน้าจอมืดมัว
สาเหตุ : ไม่ได้ปรับตัวควบคุมความสว่างอย่างเหมาะสม
การแก้ปัญหา : ปรับตัวควบคุมความสว่างที่อยู่บนหน้าจอ

ปัญหา : หน้าจอว่างเปล่า
สาเหตุ : สายเคเบิลที่ต่อเชื่อมจอภาพเข้ากับ คอมพิวเตอร์นั้นหลวมยังหรือไม่ได้เสียบสายจอภาพ
การแก้ปัญหา : เสียบสายไป และตรวจดูให้แน่ใจว่าช่องเสียบจอภาพนั้นเชื่อมต่ออยู่กับ คอมพิวเตอร์อย่างเหมาะสมและแน่นพอ

ปัญหา : หน้าจอว่างเปล่า
สาเหตุ : คุณได้ติดตั้งยูทิลิตีที่ทำให้หน้าจอว่างเปล่า
การแก้ปัญหา : กดคีย์ใด ๆ หรือเคลื่อนไหวเมาส์ หน้าจอปัจจุบันจะปรากฏขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

ปัญหา :หน้าจอว่างเปล่า
สาเหตุ : คอมพิวเตอร์อยู่ในโหมด Sleep
การแก้ปัญหา : กดปุ่ม เปิดเครื่องด่วน หน้าจอปัจจุบันจะปรากฏขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

ปัญหา : จอภาพร้อนเกินไป
สาเหตุ : พื้นที่สำหรับระบายอากาศไม่เพียงพอให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก
การแก้ปัญหา : เว้นพื้นที่ให้มีข้องระบายอากาศอย่างน้อย 3 นิ้ว (7.6 ซม.) ตรวจดูให้แน่ใจว่าไม่มี อะไรปิดอยู่ด้านบนของจอภาพที่ขัดขวางการหมุนเวียนของอากาศ

เมาส์
ปัญหา : เมาส์ไม่ตอบสนองต่อการเคลื่อนไหว
สาเหตุ : สายเมาส์เสียบไม่แน่นหนาในช่องเสียบที่ถูกต้อง ซึ่งอยู่ด้านหลังของคอมพิวเตอร์
การแก้ปัญหา : ตรวจสอบและเสียบสายเมาส์ให้แน่น

ปัญหา : เมาส์ไม่ตอบสนองต่อการเคลื่อนไหว
สาเหตุ : ไม่ได้ติดตั้งไดรเวอร์ของเมาส์ หรือ ติดตั้งไดรเวอร์ที่ไม่ถูกต้อง
การแก้ปัญหา : ตรวจดูให้แน่ใจว่าได้ติดตั้งไดรเวอร์ของเมาส์ที่ถูกต้อง จากเดสก์ทอปของวินโดวส์ให้คลิกที่ปุ่ม Start จากนั้น ชี้ไปที่ Settings แล้วคลิกที่ Control Panel เมื่อเห็นหน้าต่าง Control Panel ให้ดับเบิ้ลคลิกที่ไอคอน Mouse แล้วคลิกที่แท็บ General

เครื่องพิมพ์
ปัญหา : เครื่องพิมพ์ไม่ทำงาน
สาเหตุ : ไม่ได้เสียบสายไฟของเครื่องพิมพ์ หรือไม่ได้เสียบสายเคเบิลของเครื่องพิมพ์
การแก้ปัญหา : ตรวจสอบปลายทั้งสองด้านของเครื่องพิมพ์ และสายไฟของเครื่องพิมพ์ว่ามีการเชื่อมต่ออย่างเหมาะสมหรือไม่ อย่างถูกต้องและแน่นหนา

ปัญหา : เครื่องพิมพ์ไม่พิมพ์
สาเหตุ : ไม่ได้เปิดเครื่องพิมพ์
การแก้ปัญหา : เปิดเครื่องพิมพ์

ปัญหา : เครื่องพิมพ์ไม่พิมพ์
สาเหตุ : เครื่องพิมพ์ไม่ได้อยู่ในโหมด ออนไลน์
การแก้ปัญหา : ตั้งค่าเครื่องพิมพ์ให้อยู่ในโหมดออนไลน์ เครื่องพิมพ์บางเครื่องมีปุ่มหรือ ตัวควบคุมอยู่บนแผงด้านหน้าสำหรับเปลี่ยนไปมาระหว่างโหมดออนไลน์และโหมดออฟไลน์ ถ้าเครื่องพิมพ์มีปุ่มหรือสวิตช์ ออนไลน์/ออฟไลน์ ให้เลือก ออนไลน์

ปัญหา : เครื่องพิมพ์พิมพ์ข้อมูลออกมาเป็นขยะ
สาเหตุ : ไม่ได้ติดตั้งหรือเลือกไดรเวอร์ของเครื่องพิมพ์ที่ถูกต้อง
การแก้ปัญหา : ตรวจดูให้แน่ใจว่ามีการติดตั้งและเลือกไดรเวอร์ของเครื่องพิมพ์ที่ถูกต้อง ไดรเวอร์ที่ถูกต้องของเครื่องพิมพ์มักจะระบุโดยชื่อของเครื่องพิมพ์

ปัญหา : เครื่องพิมพ์พิมพ์ข้อมูลออกมาเป็นขยะ
สาเหตุ : สายไฟของเครื่องพิมพ์ไม่ได้เชื่อมต่ออย่างเหมาะสม
การแก้ปัญหา :ให้อ่านเอกสารที่มาพร้อมกับเครื่องพิมพ์ แล้วเชื่อมต่อสายไฟใหม่อีกครั้งหนึ่ง

หน่วยความจำ
ปัญหา : เปิดคอมพิวเตอร์ไม่ได้
สาเหตุ : คอมพิวเตอร์โมดูลหน่วยความจำผิดชนิด
การแก้ปัญหา : การใช้โมดูลหน่วยความจำอื่นอาจมีผลทำให้การเริ่มระบบยากขึ้นเมื่อคุณอัปเกรดเครื่องคอมพิวเตอร์ คุณจะต้องใช้หน่วยความจำ EDO 60 นาโนวินาที

ปัญหา : หน่วยความจำไม่เพียงพอที่จะรันโปรแกรม
สาเหตุ : หน่วยความจำไม่ได้รับการตั้งค่าคอนฟิกอย่างเหมาะสมสำหรับโปรแกรม
การแก้ปัญหา : โปรแกรมจำเป็นต้องใช้หน่วยความจำจำนวนหนึ่งในการรัน ปิดโปรแกรม ใด ๆ ที่กำลังใช้อยู่เพื่อที่จะดูว่าโปรแกรมดังกล่าวจำเป็นต้องใช้หน่วยความจำเท่าใด ให้อ่าน เอกสารที่มาพร้อมกับโปรแกรมนั้น

ปัญหา : คอมพิวเตอร์แสดงข้อความว่า out of memory
สาเหตุ : ค่าคอนฟิเกอเรชันของหน่วยความจำตั้งค่าที่ไม่ถูกต้อง , หน่วยความจำไม่พอในการรัน
การแก้ปัญหา : ปิดโปรแกรมที่คุณกำลังใช้อยู่ อ่านเอกสารที่มาพร้อมกับโปรแกรมเพื่อดูข้อกำหนดเกี่ยวกับหน่วยความจำ คุณอาจต้องซื้อและติดตั้งหน่วยความจำเพิ่มเติม

ปัญหา : คอมพิวเตอร์แสดงข้อความว่า Insufficient memory
สาเหตุ : หน่วยความจำของคอมพิวเตอร์เหลือไม่เพียงพอที่จะรัน โปรแกรม
การแก้ปัญหา :โปรแกรมบางอย่างจะแอกทีฟอยู่ในแบ็กกราวนด์เมื่อเราเปิดขึ้นมา โปรแกรมเหล่านี้ใช้หน่วยความจำบางส่วนถึงแม้ว่าจะรันอยูในแบ็กกราวด์ก็ตาม

แฟกซ์/โมเดม
ปัญหา : แฟกซ์/โมเด็มไม่ตอบสนองต่อซอฟต์แวร์แฟกซ์/โมเด็ม
สาเหตุ : ไม่ได้ต่อแฟกซ์/โมเด็มอยู่อย่างเหมาะสม
การแก้ปัญหา : ตรวจดูให้แน่ใจว่าได้ต่อแฟกซ์/โมเด็มไว้อย่างแน่นหนา และสายโทรศัพท์ เสียบอยู่ที่เต้าเสียบที่ฝาผนังอย่างแน่นหนา

ปัญหา : แฟกซ์/โมเด็มไม่ตอบสนองต่อซอฟต์แวร์แฟกซ์/โมเด็ม
สาเหตุ : มีการกำหนดอุปกรณ์มากกว่า 1 ตัวให้กับพอร์ตอนุกรม
การแก้ปัญหา : ตรวจดูให้แน่ใจว่าไม่มีอุปกรณ์อื่นใช้พอร์ตอนุกรมเดียวกับแฟกซ์/โมเด็ม

ปัญหา : การสื่อสารด้วยแฟกซ์/โมเด็มเป็นไปอย่างยากลำบาก
สาเหตุ : แฟกซ์/โมเด็มอาจจะเกิความขัดแย้งกับโปรแกรมอื่น
การแก้ปัญหา : โปรแกรมบางอันอาจจะขัดแย้งกับซอฟต์แวร์แฟกซ์/โมเด็มในตัวของคอมพิวเตอร์ให้ออกจากโปรแกรมใด ๆ ที่คุณกำลังรัน แต่ไม่ได้ใช้งานอยู่

ปัญหา : การสื่อสารด้วยแฟกซ์/โมเด็มเป็นไปอย่างยากลำบาก
สาเหตุ : เครื่องคอมพิวเตอร์อื่นวางหู
การแก้ปัญหา :หมุนหมายเลขแฟกซ์ใหม่สายโทรศัพท์มี

ปัญหา : การสื่อสารด้วยแฟกซ์/โมเด็มเป็นไปอย่างยากลำบาก
สาเหตุ : เสียงดังมาก และการโทรศัพท์ถูกตัด
การแก้ปัญหา : หมุนหมายเลขแฟกซ์ใหม่ ถ้าปัญหายังคงเกิดอยู่ ให้ตรวจสอบกับ องค์การ โทรศัพท์โดยปกติจะมีฟิลเตอร์ให้มาเพื่อช่วยลดเสียงรบกวนในสาย นอกจากนั้น ให้ตรวจสอบการเชื่อมต่อโทรศัพท์ และแฟกซ์/โมเด็ม ถ้าสายที่ต่ออยู่หลวม แม้ว่าเล็กน้อย ก็อาจจะก่อให้เกิดเสียงรบกวนในสายได้

ปัญหา : การสื่อสารด้วยแฟกซ์/โมเด็มเป็นไปอย่างยากลำบาก
สาเหตุ : คุณมีสายเรียกซ้อน (Call Waiting) รออยู่ในสายโทรศัพท์ของคุณ สายเรียกซ้อนเข้ามานี้ จะตัดการเชื่อมต่อของโมเด็ม
การแก้ปัญหา : ในบางพื้นที่ บริการับสายเรียกซ้อนสามารถยกเลิกได้โดยการกด *70 ,ก่อนที่จะหมุน

ปัญหา : การสื่อสารด้วยแฟกซ์/โมเด็มเป็นไปอย่างยากลำบาก
สาเหตุ : โทรศัพท์พ่วงบนสายโทรศัพท์เดียวกัน
การแก้ปัญหา : ตรวจดูให้แน่ใจว่าโทรศัพท์ทั้งหมดที่เชื่อมต่ออยู่กับสายโทรศัพท์เดียวกันกับยกหูขึ้นแฟกซ์/โมเด็มวางอยู่ อย่างเหมาะสม

ปัญหา : ไม่มีเสียงสัญญาณดังขึ้นขณะที่ต่อโมเด็มอยู่
สาเหตุ : คอมพิวเตอร์ใช้โมเด็ม K56flex
การแก้ปัญหา : ถ้าคุณมีคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลคอมแพครุ่นเพรสซาริโอ 4500 ที่มาพร้อมกับ โมเด็ม K56flex คุณจะไม่ได้ยินสัญญาณใด ๆ ในขณะที่ กำลังเชื่อมต่อโมเด็มข้อมูลเกี่ยวกับ ไวรัสของคอมพิวเตอร์

ระบบเสียง
ปัญหา : คอมพิวเตอร์ไม่มีเสียง
สาเหตุ : มีการปิดระบบเสียง
การแก้ปัญหา : คลิกที่ไอคอน Speaker บนทาสก์บาร์ของวินโดวส์ เมื่อบ็อกซ์ควบคุมระดับเสียง ปรากฏตรวจดูให้แน่ใจว่าเช็คบ็อกซ์ Mute ไม่มีเครื่องหมายใดอยู่มีการลดระดับเสียงให้เบาเพิ่ม ระดับเสียงโดยการกดปุ่มเพิ่มระดับเสียง (+)ที่ด้านหน้าของคอมพิวเตอร์ลำ โพงไม่ได้รับการ เชื่อมต่ออย่าง ตรวจดูให้แน่ในว่าลำโพงเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์แน่นหนาหรือไม่

ไวรัส
"ไวรัสของคอมพิวเตอร์" เป็นรหัสคำสั่งการของซอฟต์แวร์ที่ทำความเสียหายหรือลบข้อมูล ไฟล์ หรือซอฟต์แวร์ในคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์จะติดไวรัสเมื่อใส่ซอฟต์แวร์หรือไฟล์ที่มีไวรัสลงไปในคอมพิวเตอร์ ดิสเกตต์จากเพื่อน หรือที่ได้มาจากการติดต่อธุรกิจมักจะเป็นแหล่งกำเนิดไวรัส อาการที่บ่งบอกว่าคอมพิวเตอร์ของคุณติดไวรัสมีดังนี้
1. มีตัวอักษรแปลก ๆ หรือข้อความหยาบ ๆ ปรากฎอยู่บนหน้าจอ
2. มีข้อความแสดงการผิดพลาดของฮาร์ดไดรฟ์ หน่วยความจำ หรือซอฟต์แวร์
3. ไฟล์และไดเรคทอรีเกิดความเสียหาย
บริการออนไลน์เชิงพาณิชย์และผู้ผลิตซอฟต์แวร์จะตรวจจับไวรัสอย่างเข้มงวด และมักจะประสบความสำเร็จ อย่างไรก็ตาม ไม่มีวิธีใดที่แน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์
มีบริษัทมากมายที่จำหน่ายซอฟต์แวร์ค้นหาและป้องกันไวรัส คุณควรจะมีเวอร์ชันล่าสุดของซอฟต์แวร์เหล่านี้ ผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์เหล่านี้ได้รับการอัปเดตอยู่บ่อย ๆ เนื่องจากผู้สร้างและเผยแพร่ไวรัส ซึ่งถือเป็นผู้ที่ทำผิดกฎหมายระหว่างประเทศจะอัปเดตโปรแกรมไวรัสอยู่เป็นประจำด้วยเช่นกัน ให้ถามหาซอฟต์แวร์ค้นหาและป้องกันไวรัสล่าสุดจากร้านค้าคอมพิวเตอร์ใกล้บ้านของคุณ

ที่มา : http://se-ed.net/sanambin/h-pc-108.html

3 ขั้นตอน เพื่อจะใช้โปรแกรมครึ่งหนึ� PDF Print E-mail
29 ก.ย. 2007 21:48น.
โปรแกรมส่วนใหญ่ที่เราใช้งานกันอยู่นั้น โดยทั่วไปมักจะเป็นโปรแกรมแชร์แวร์ คือเป็นโปรแกรมที่มีการกำหนดเวลาในการใช้ เช่น ใช้ได้แค่ 15 วัน หรือ 30 วัน นับแต่วันที่ลงโปรแกรม และเมื่อหมดเวลาที่กำหนดแล้วก็จะไม่สามารถใช้โปรแกรมนั้นได้อีก ซึ่งหากคุณประสบปัญหาเหล่านี้ผมก็มีวิธีการแก้ไข ทำให้คุณสามารถล็อคเวลา หรือเดินเวลาในโปรแกรมถอยหลังไปได้ ด้วยโปรแกรม Cracklock Manager

ดาวน์โหลดโปรแกรมได้ที่นี่ Cracklock

ก่อนอื่นต้องขอทำความเข้าใจกันก่อนนะครับว่าหากคุณลงมือทำตามวิธีการดังต่อไปนี้แล้ว
- โปรแกรมอาจจะเกิดความเสียหายถาวร ( แต่ถ้าไม่ซีเรียสก็ลงใหม่ )
- เวลาในการนับของโปรแกรมผิดพลาด เช่น โปรแกรมมีเวลาอีก 20 ถึงจะหมดอายุ แต่เมื่อใช้วิธีการของผมแล้วอาจจะทำให้เหลือ 0 วัน (คือหมดอายุไปเลย)
- ผมไม่รับประกันว่าวิธีนี้จะทำกับโปรแกรมได้ทุกโปรแกรมนะครับ

ขั้นตอนการใช้งาน

1. Unzip และติดตั้งโปรแกรมให้เรียบร้อย

2. เปิดโปรแกรม Cracklock Manager แล้วดับเบิ้ลคลิกไปที่ไอคอน Add Program จะมีหน้าต่างสำหรับเปิดไฟล์ปรากฏขึ้นมา ให้เราเลือกไปยังโฟลเดอร์ที่เก็บไฟล์โปรแกรม ( ให้เลือกไฟล์ที่เป็นไฟล์เข้าโปรแกรม เป็น .exe ) แล้วคลิกเลือกไฟล์โปรแกรมนั้น จากนั้นก็กดปุ่ม Open ด้านล่าง ( ตามตัวอย่างนี้ผมจะทำการล็อกเวลาโปรแกรม Hidownload )


3. เมื่อเลือกไฟล์โปรแกรมได้แล้ว ให้ไปที่ Program >> Configure ที่มุมซ้ายบน จะมีหน้าต่างสำหรับการตั้งค่าเวลาดังรูปด้านล่างนี้ ให้คุณคลิกถูกที่ตัวเลือก Freeze date/time เพื่อกำหนดให้โปรแกรมล็อควันเวลาเอาไว้


4. ที่หน้าต่างเวลาอันเดิมคลิกไปที่แท็บ Dependency จากนั้นก็คลิกไปที่ชื่อของไฟล์โปรแกรม hidownload.exe ซ้ำอีกที แล้วก็คลิกปุ่ม OK ได้เลยครับ ตอนนี้ถือว่าเราล็อกเวลาในโปรแกรมเสร็จแล้ว เมื่อเปิดโปรแกรมขึ้นมาในวันต่อๆ ไป เวลาในการนับถอยหลังของโปรแกรมก็จะเป็นเวลาเดิมอยู่เสมอ เช่น โปรแกรมแจ้งว่า อีก 29 วันจะหมดอายุ เมื่อผ่านไปอีกสิบวัน เวลาก็ยังคงเป็น 29 วันตามเดิมครับ


หมายเหตุ 1 ต้องปิดโปรแกรมที่จะทำการล็อกเวลาก่อนเสมอนะครับ
หมายเหตุ 2 สำหรับโปรแกรม Hidownload เมื่อทำการล็อกเวลา วันที่หมดเวลาของโปรแกรมมันจะลดไปวันหนึ่งเสมอ แต่จะค้างอยู่อย่างนั้นตลอดไปตราบวันสิ้นโลก

-------------------------------------------------------------------------------------------

ต่อไปมาดูการเดินเวลาถอยหลังในอีกโปรแกรมหนึ่งคือโปรแกรม cFosSpeed ตามรูปด้านบนนี้คุณจะเห็นว่าเมื่อติดตั้งโปรแกรมครั้งแรก ถ้าเอาเม้าส์ไปวางบนไอคอนของโปรแกรมมันก็จะแสดงเวลาว่าเราสามารถใช้โปรแกรมได้อีก 30 วัน

1. ขั้นตอนการทำก็เหมือนเดิม คือดับเบิ้ลคลิกไปที่คำสั่ง Add Program จากนั้นก็เปิดไปยังโฟลเดอร์ที่เก็บโปรแกรมเอาไว้ ตามภาพตัวอย่างนี้คุณจะเห็นว่ามันมีไฟล์โปรแกรมตั้งสามอัน ถ้าไม่รู้ว่าต้องคลิกเลือกอันไหน ก็ให้ใช้วิธีมั่วๆ คือเลือกทำไปทีละอันเลยครับ ( แต่ตามตัวอย่างนี้ อันที่ถูกต้องคือไฟล์ cFosSpeed .exe )



2. เมื่อเลือกโปรแกรมแล้ว ก็ไปที่ Program >> Configure จะมีหน้าต่างสำหรับกำหนดวันเวลาขึ้นมา ก็ทำแบบเดิมอีกคือคลิกเลือกไปที่ตัวเลือก Freeze date/time แต่คราวนี้เราจะทำการถอยเวลาไปด้วย นั่นก็ทำได้ง่ายๆ ด้วยการคลิกเลือกตัวเลขเวลาด้านบน ตัวอย่างนี้ผมทำในวันที่ 6 ผมจะถอยเวลาไปอีก 5 วัน ดั้งนั้นจึงคลิกเลือกไปที่วันที่ 1

***คุณจะถอยเวลาไปมากกว่านี้ก็ได้ ถอยไปเป็นเดือนหรือเป็นปีก็ได้ ให้คลิกกำหนดเวลาได้เลยครับ (แต่ระวังไว้ด้วยนะครับ โปรแกรมบางตัวจะทำการล็อคปีไว้ การถอยเวลาไปเป็นปีอาจจะทำให้ตัวโปรแกรมใช้งานไม่ได้เลย)***


3. ที่หน้าต่างเวลาเดิมคลิกไปที่แท็บ Dependency จากนั้นก็คลิกไปที่ชื่อของไฟล์โปรแกรมซ้ำอีกที แล้วก็คลิกปุ่ม OK ได้เลยครับ ตอนนี้ถือว่าเราล็อกเวลาในโปรแกรม และทำการเดินถอยหลังเวลาเสร็จแล้ว

4. ผลของการถอยเวลา การหมดอายุของโปรแกรมก็จะกลายเป็น 35 วันเลย

5. โปรแกรมบางตัวมันจะฝังตัวเองไว้ในหน่วยความจำ ทำให้ไม่สามารถแก้ไขเวลาได้เดี๋ยวนั้นเลย ซึ่งก็จะมีหน้าต่างแจ้งบอกเอาไว้ดังรูปด้านล่างนี้ ให้คุณคลิกไปที่ตัวเลือก Restart now เพื่อให้ตัวโปรแกรมทำการรีสตาร์ทเครื่องเพื่อแก้ไขเวลา (หลังรีสตาร์ทไม่ต้องเข้ามาตั้งอีกรอบนะครับ เพราะมันตั้งให้เสร็จแล้วตอนรีสตาร์ท)


เขียนโดยคุณ pos bbznet.com
กู้ Windows XP แบบไม่ต้องลงใหม่ PDF Print E-mail
29 ก.ย. 2007 21:45น.
ถ้า Windows มีป้ญหาไม่สามารถบู๊ตขึ้นภาพ Windows XP คุณๆจะมีวิธีของตนเอง เช่น เอาไฟล์ที่ ghost ไว้มาใช้ แต่ก็ปัญหาคือ ไฟล์ที่ได้ไม่ใช่ข้อมูลปัจุบัน หรือ format ลงวินโดวส์ใหม่ชึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยต้องลงโปรแกรมใหม่เป็นสิบตัว ยังต้องเสียเวลา Crack อีก ข้อมูลที่คุณทำไว้ก็หายหมด ผมมีวิธีการกู้แบบง่ายๆ ไปหาวิธีแบบยาก แล้วแต่เหตุการณ์ และสาเหตุ

เทคนิคที่ 1 กู้แบบง่ายๆ
- สาเหตุ : ปกติคุณๆ มักชอบติดตั้งโปรแกรมใหม่ๆ เพิ่มเติม ผลปรากฎว่าเมื่อติดตั้งแล้วพอบู๊ตใหม่กลับบู๊ตไม่ขึ้น สาเหตูอาจมาจากโปรแกรมที่ติดใหม่ ติดตั้งไฟล์ระบบตัวเก่าทับตัวใหม่ ทำให้วินโดวส์ไม่รู้จักไฟล์ระบบ เลยทำให้เกิดหน้าจอดำค้างไม่บู๊ตเข้าหน้าจอเดสก์ทอป
- วิธีแก้ไข : อาจจะใช้วิธี System Restore ใน Safe Mode โดยกดปุ่ม F8 ค้างไว้ ขณะบู๊ตเครื่องใหม่ แล้วเลือกไปที่หัวข้อ Safet Mode กู้วันที่ย้อนหลังครั้งล่าสุดที่ไม่ได้ติดตั้งโปรแกรม หรือจะให้สะดวกกว่านี้ก็ให้เลือกหัวข้อ "Last Know Good Configuration" ก็จะกู้ระบบครั้งล่าสุดให้ทันที ทำให้บู๊ตเข้าวินโดว์ส ได้ตามเดิม

เทคนิคที่ 2 ก๊อปปี้ไฟล์ระบบ 3 ตัวทับไฟล์ระบบเดิม
- สาเหตุ :ถ้าวินโดวส์ไม่บู๊ตหรือรันหน้าต่าง Start up...Windows XP เลย อาจเป็นที่ไฟล์ Boot Sector ของไฟล์ระบบเสีย หรือมีปัญหาขัดแย้งกับไฟล์ ntldr หรือ ntdetect.com ทำให้บู๊ตไม่ขึ้นภาพ
- วิธีแก้ไข : ให้ก๊อปปี้ไฟล์ระบบจากเครื่องอื่นที่ลง Windows XP เหมือนกันหรือคุณจะก๊อปปี้ไฟล์ระบบที่เครื่องคุณเอาไว้ก่อนที่เครื่องจะมีปัญหาก็ได้ ด้วยใช้คำสั่ง xcopy ผ่านโหมด command line โดยทำตามขั้นตอนดังนี้

1. ก๊อปปี้ 3 ไฟล์ข้างนี้ใส่แผ่นเปล่า (1.44MB)ลงในไดรว์ a: โดยเข้าที่ Start >> run >>พิมพ์ cmd และกด Enter เพื่อ save ลงไดร์ a:
xcopy c:\boot.ini a:/h
xcopy c:\ntdetect.com a:/h
xcopy c:\ntldr a:/h
เมื่อก๊อปปี้เสร็จเอาเก็บไว้ใช้ในขั้นตอนต่อไป

2.บู๊ตเครื่องใหม่ แล้วกดปุ่ม F8 ค้างไว้ เพื่อไปหน้าจอ Safe Mode

3.เอาแผ่นดิสก์ที่ทำไว้แล้วตามข้อ 1 ใส่ไปที่เครื่อง ออกไปที่ DOS Prompt แล้วพิมพ์คำสั่งก๊อปปี้ไฟล์ตามข้างล่างนี้
xcopy a:*.* c:\ /h
4.กดปุ่ม enter ตามหลังคำสั่ง

5. บู๊ตเครื่องใหม่อีกครั้ง ก็จะสามารถเข้าหน้าเดสก์ทอปของวินโดวส์ได้ตามเดิม


เทคนิคที่ 3 ซ่อมวินโดวส์ ด้วยแผ่นบู๊ต Boot CD Rom

- สาเหตุ : ปัญหานี้ส่วนใหญ่ สืบเนื่องจากการติดตั้ง Patch file ตัวใหม่ๆ แล้วไม่สามารถรองรับไฟล์ระบบของวินโดวส์หรือก็อปปี๊ไฟล์ .dll, .vdx, .inf ผิดเวอร์ชั่น หรือเผลอลบไฟล์ระบบบางตัว ก็เป็นสาเหตุได้ ฉะนั้นหากแก้ด้วยวิธีที 1,2 ไม่หาย ก็ต้องใช้วิธีที่ 3 ซ่อมแซมไฟล์ระบบใหม่ แทนที่จะเสียเวลาติดตั้งใหม่ วิธีนี้ก็จะช่วยย่นเวลาให้น้อยลง

- วิธีแก้ไข : เตรียมแผ่นบู๊ต CD Windows (แผ่นติดตั้งวินโดวส์) ใส่ใน CD-ROM แล้วบู๊ตเครื่องใหม่ จากนั้นทำตามขั้นตอนต่อไปนี้


1.เมื่อเข้าหน้าจอ Windows to Setup หน้าแรก ให้คุณกด Enter ผ่านขั้นตอนนี้ไป


2.จากนั้นก็จะเข้าหน้าจอ windows XP Lincesing Agreement หน้าที่สอง กดปุ่ม F8 เพื่อยอมรับการติดตั้งใหม่


3.เมื่อเข้าหน้าจอการติดตั้ง Windows XP Pro..Setup เลือกไดรฟ์ที่ติดตั้ง แล้วกดตัว R เพื่อซ่อมแซ่มไฟล์ที่สูญหายให้กลับคืนมาดังเดิม เมือเสร็จสิ้นการติดตั้งโปรแกรมต่างๆที่ติดตั้งไปก็ยังคงใช้ได้เหมือนเดิมไม่ต้องติดตั้งใหม่ให้เสียเวลา

ปล. สำหรับผู้ที่ใช้ Harddisk แบบ SATA ในตอนบู๊ตแผ่นติดตั้ง Windows ให้กด F6 เพื่อติดตั้งไดรว์เวอร์ SATA ก่อนเข้าขั้นตอนที่ 1 ด้วยนะครับ ไม่เช่นนั้นวินโดวส์จะมองไม่เห็น Harddisk

ที่มา pantip.com
เขียนโดย Mastery
<<> <> 1 2 Next > End >>

Results 1 - 9 of 13